Monday, February 28, 2005

หมีนรก

เพื่อนสนิททั้งหลายที่คุยกับผมอยู่ในระยะหลัง ๆ คงได้ยินคำนึงหลุดออกจากปากผม บ้างแหละว่า "รู้จัก be@rbrick มะ" (เรียกซะกะแดะเชียว) หรือถ้าคุณรู้จักเวปรุ่นของผม ซึ่งแม่งร้างสัด ๆ เข้าไปใช้กันบ้างสิวะ @#$%^!@# กูอุตส่าห์ทำนะเว้ย *!#$@!

โทดทีคับ อารมณ์ขึ้นไปหน่อย . . . ^^

ต่อ ๆ ๆ
แนะนำกันต่อเลยละกัน มันเป็นของสะสมที่เมืองไทยยังไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไร อาจจะเป็นเพราะเมืองไทย หัวสมองคนกลุ่มนึงมันยังไม่เปิดกว้าง ตีค่าที่ว่าของเล่น การ์ตูน มันต้องเป็นของสำหรับเด็กเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว 2 - 3 วันก่อนกูยังเห็นคนแก่คนนึง น่าจะเป็นรุ่นพ่อได้แล้ว ถือหนังสือ ROClub อ่านอยู่ในลิฟท์คอนโดกูอยู่เลย (หนังสือของเกม Ragnarokนะ) ซึ่งผมว่ามันเป็นภาพที่น่ารักนะ ผู้ใหญ่ที่เล่นของเล่น ย่อมรู้ว่าของเล่นอันไหนให้ประโยชน์อะไรมากกว่า แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่ลูกคุณอยากได้นะ มันเหมาะสมหรือไม่ ได้รู้ว่าสิ่งที่ลูกคุณเล่นอยู่นะ จะให้อะไรกับลูกคุณ เพราะของเล่นทุกอย่าง มันก็มีทั้งคุณและโทษ เพียงแต่ว่าจะเลือก หรือระวังกันแค่ไหน เหมือนกับที่แรก ๆ ทำ Toy story / buglife ถึงทำรายได้ไม่ค่อยดีในเมืองไทย วงการ animation ไทย มันถึงเริ่มมี ทั้งที่มันมีคนทำมาเป็นชาติแล้ว บ่นไปก็เท่านั้น พูดถึงของเล่นค่อดีกว่า (จริง ๆ ไม่อยากเรียกว่าของเล่นเท่าไร เพราะมันเล่นไม่ได้ ได้แต่ขยับแข้ง ขยับขา เรียกว่าของสะสมจะดูดีกว่านะ) และเมื่อไม่กี่วันมานี่อ่านหนังสือ ICT : Inspiration connect to techonology (เราว่ามันเป็นแมกกาซีนที่ดีมากเลยนะ นำเสนอเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ว่ามันมีที่มายังงัย แรงบัลดาลใจมากจากไหน) ก็เลยได้รู้จักกับหมีตัวที่ 2 ชื่อว่า "Qee" แต่เดี๋ยวแนะนำทีละตัวก่อนละกัน

Be@rbrick - - 1 ใน series ของ Kubrick จากบริษัท Medicom เริ่มมาตั้งแต่ปีคศ. 2001 โดยออกมาเป็น series ต่าง ๆ ประมาณปีละ 2 series และก็จะมีออกในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น งาน World wide tour เป็นงานเทศกาลของพวก Figure เนี่ยแหละ หรือเทศกาลคริสมาต, ฮาโลวีน บางโอกาสก็จะมี designer จาก studio ต่าง ๆ ที่ออกตัวพิเศษมาเพื่อโชว์ศักยภาพว่ากูเจ๋งนะโว้ย.


Serie 7

Serie 8

ตอนนี้ที่ขาย ๆ กันอยู่จะเป็น serie 9 และกำลังจะมี series 10 ออกมาในเร็ว ๆ แต่ก็สามารถหาตัวเก่า ๆ ได้นะ แต่จะเป็นตัวที่แกะกล่องแล้ว แต่ทีนี่ความสนุกของมัน(รึป่าววะ?) คือการที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าในกล่องนั้นเราจะได้ ตัวไหนออกมา (ลุ้นจะตายห่าตอนเปิดนะ แต่พอเปิดได้ตัวที่อยากได้ แม่งความรูสึกเหมือนถูกหวยเลย) serie นึงจะมี 10 ตัวที่โชว์อยู่ข้างกล่อง โดยบอกเปอร์เซนต์ที่มันจะแรนดอมออกมา ซึ่งก็จะมี

Basic - สีเรียบและมีตัวอักษรอยู่ตรงกลาง เป็นที่นิยมในการสะสม เพราะ 1 series จะมี 9 แบบเรียงกันเป็นคำว่า be@rbrick
Jelly - ตัวใส ๆ เหมือนขนมเยลลี่
Pattern - ลายกราฟิคที่เป็น pattern (จะแปลทำมัยเนี่ย)
Flag - ลายธงชาติ
Horror - ลายที่ดูน่ากลัว (มีรุ่นเจสันด้วย หายากมาก)
Cute - serie ใหม่จะเป็นลาย kitty ของ sario
Animal - ลายสัตว์ต่าง ๆ ม้าลาย เสือ หมี ลืง แล้วแต่จะคิดออกมา
SF - เป็นลายออกแนวดูอวกาศ ๆ เทคโน
Artist - เป็นตัวหายากของ series เพราะจะเป็นลายที่มี designer มาออกแบบให้ 1 series จะมี 2 แบบ โอกาสได้จะ อยู่ที่ประมาณ 1 - 4 % ยิ่งตัวที่เปอร์เซนต์น้อย ๆ จะยิ่งมีราคาสูง

โดยเฉพาะแต่ละ series จะมีตัวที่เรียกว่า "Secret" คือตัวที่ไม่ได้ลงบอกว่าจะได้เปอเซนต์เท่าไร แต่โดยส่วนมากจะ 0.1 ลวยลายก็จะสวยมาก ๆ ขึ้นไปอีก ส่วนอีกแบบก็คือตัวที่ขายในโอกาสพิเศษ ซึ่งอันนี้ไม่ต้องลุ้น รู้เลยว่าได้ตัวไหน แต่ก็แพงอยู่ดี


ตัวพิเศษต่าง ๆ ซึ่งจะมีขนาด 100%(สูงประมาณ6ซม.)/400%(20ซม.)/1000%(60ซม.)


ไอ้ 2 ตัวนี้ มาจากเรื่อง KillBill ภาค 1 และ 2 แถมมาใน DVD Special Collection ของโซนญี่ปุ่น (อยากได้มาก ๆ ใครซื้อให้ผมได้บ้าง T-T)


link ข้อมูลเพิ่มเติม
Be@rbrick http://www.bearbrick.com/ (มีเกม wallpapaer icon ให้โหลดกันด้วยนะ)
Medicom Toy http://www.medicomtoy.co.jp/


QEE - Toy2R ส่งเข้าประกวด

เริ่มเมื่อปีค.ศ. 2003 โดยเริ่มแรกออกแบบมาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้พวงกุญแจ หลัง ๆ จากพวก Figure เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเลยพัฒนาออกมาเป็น Collection Figure ซึ่งก็ดำเนินตามรอยหลังการตลาด เหมือนหลาย ๆ เจ้าคือส่งงานออกไปให้ designer ตามบริษัทต่าง ๆ ให้แสดงฝีมือในการออกแบบลวดลาย ซึ่งมูลค่าของเจ้า qee เนี่ยผมก็ไม่ทราบแน่ว่ามันราคาเท่าไร เห็นแต่ใน ebay ซึ่งราคาจะแพงกว่า bearbrick อยู่หลายเท่าตัวเหมือนกัน ซึ่งขนาดของ Qee จะอยู่ที่ประมาณ 8" ซึ่งพอ ๆ กับ Bearbrick ขนาด 400%
ความเจ๋งของ Qee มันอยู่ที่ การที่ท่าน ๆ ซื้อชุดตัวต้นแบบของ Qee แล้วออกแบบลวยลาย (paint) ลงไปเอง และถ้าคิดว่างานที่ทำออกมาเจ๋ง ก็ถ่ายรูปงานเราส่งไปที่ Toy2R ถ้าเข้าตากรรมการ เค้าก็จะส่งเมลตอบกลับมาให้จัดส่งเจ้า qee ที่เราทำขึ้นมาไปยังที่บริษัท หลังจากนั้นเค้าก็จะส่ง Qee ในแบบที่เราออกแบบมาให้ใน version hi quality ซึ่งจะเป็นตัวเดียวกับที่ออกจำหน่ายไปสู่ทั่วโลก โดยมีชื่อคุณเป็นคนออกแบบ เจ๋งมั้ยละ

ข้อมูลจาก ICT Magazine เล่มที่ 5

ใครสนใจอยากได้รูปเพิ่ม ทิ้งเมลไว้ แล้วเด๋วส่งให้ 2เมก กว่า ๆ เอง มีตั้งแต่ version แรก ๆ ของ bearbrick เลยหรือถ้าใครสนใจจะซื้อมาบอกเลย ไว้ไปเดินดูด้วยกัน แต่เตรียมตังค์ไว้เยอะ ๆ หน่อยนะ เพราะราคาแม่งตัวละ 200 ถึงเป็นพันก็มี สำหรับไอ้ตัว 6 ซม. ออะนะ ส่วนตัวใหญ่นี่เตรียมไว้เลย 2พัน - 4 พันอัพ หรือถ้าสนใจอยากได้โคตรพ่อ bearbrick แบบ1000% สูง เกือบเมตรไปประดับที่บ้าน คงต้องเตรียมเยอะหน่อย เพราะคุณควต้องบินไปซื้อถึงญี่ปุ่นหรือหาจาก ebay เอา ตกตัวละไม่เท่าไรเอง 2 หมื่นมั้ง . . .

เชื่อยังละ ว่ามันเป็นหมีนรก ที่น่ารักมาก

Labels:

Saturday, February 26, 2005

Friday, I'm at Khaosan

วันศุกร์กับคำถามยอดฮิต "วันนี้ไปซิ่งไหนกัน" จะได้ยินมาตั้งแต่ตอนเที่ยง ๆ เหมือนเป็นประเพณี ว่าทุกวันศุกร์เราจะไปผ่อนคลาย หลังจากที่ทั้งสัปดาห์ทำงานกันยังกะวัวกะควาย (Bensley นะ maps งานเบากว่าเยอะทำถึงแค่เที่ยงคืนเอง - -")

แล้ววันนี้ใครไปรู้บอกว่าอยากไป ถนนข้าวสาร หลังจากที่ไม่ได้ไปมานานแล้ว ไอ้กะป๋มนะ ยังงัยก็ได้ เพราะไม่ได้เตรียมพร้อมมาเลย หนวดเครารุงรัง แต่งตัวมอซอ ไปข้าวสารนะก็ดี จะได้ดู แนว ๆ เข้ากับสถานที่หน่อย ขืนไป เที่ยวแถวทองหล่อ หรือที่ไฮโซหน่อย คนเค้าอาจจะนึกว่าเป็นเด็กเสริฟก็ได้
แต่จริง ๆ แล้วไอ้คำว่าแนว ๆ เนี่ยกูก็ไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าอะไร แฟชั่นมันเป็นยังงัย แต่เพื่อนที่ office บอกไว้ว่า แฟชั่นเด็กแนวมันต้องมีเบอร์ ช่วงนั้นแฟนเค้ากำลังจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่สยาม เลยคุยกันถึงเรื่องนี้ว่าจะหาลายกราฟิคมาทำ screen เสื้อ ว่าจะเอาเบอร์อะไรดี ใครไม่รู้เดินผ่านมาได้ยินอาจจะนึกว่าพวกกูกำลังใบ้หวยกันอยู่ก็ได้

คนที่ไปวันนั้น จัดอยู่ในขนาดหน่วยรบขนาดกลางคือ 6 - 8 คน หน่วยขนาดนี้ไม่แนะนำให้ไปจีบหญิงเด็ดขาด เพราะหญิงอาจจะนึกว่าท่านเป็นแกงค์ข่มขืนเด็กแน่ ๆ มีคนเคยสรุปไว้ว่าถ้าจะไปจีบหญิงต้องไม่เกิน 4 กำลังดี จัดเป็นหน่วยรบขนาดเล็กสามารถปรับเปลี่ยน กระจายกำลังได้ง่าย (ทฤษฎีนี้ท่าจะจิง เพราะลองแล้วได้ผล ^^)
รถคันที่ผมไปถึงก่อน พี่หนุ่มเลยเสนอให้ไปหาที่นั่ง chill ๆ ดื่มเบียร์กันก่อน รออีกคันนึงมา หลังจากเดินข้าวสารครบ 1 รอบเลยไปตกลงใจที่ sdunset bar เพราะบริเวณนั้นจะดูคึกคักหน่อย (หมายถึงคนเดินไปมานะ)



เลยเปิดมาก่อน 3 เหยือก เพราะมันซื้อ 2 แถม 1 สงสารน้องไทเกอร์เหมือนกันนะ อุตส่าห์เข้ามาเชียร์ แต่ว่าเบียร์น้องไม่มีโปรโมชั่นอย่างนี้นิจ๊ะ เลยอดไปนะ และก็น้องไฮเนเก้นเค้าก็น่ารักดี เลยตกหลุมที่เค้าไม่ได้มาขุดซะหน่อย



หลังจากนั้นก็ไปต่อกันที่ Hippie De Bar ร้านนี้ขอบอกว่า แนว มาก ๆ แต่ร้านเค้าสวยนะ เข้าไปเจอ court outdoor หน้าร้าน และก็มีร้านเหมือนขายพวกเสื้อผ้า ประมาณยุด 60's สวยดี บรรยากาศก็ตกแต่งประมาณ 60's ชื่อก็บอกว่า Hippie อะนะ แถมชั้นบนยังมีโต๊ะ pool ด้วย

โต๊ะที่ผมนั่งมันก็ดีอะนะ ถ้ามันดันไม่นั่งตรงข้ามกับน้องเสื้อฟ้า ที่น่ารักโคตร แฟนแม่งเห็นพวกเรามอง เลยจับไปนั่งตักมันซะงั้น พวกผมเลยได้แต่นั่งมองตาละห้อย ซดเหล้ากันต่อไป อย่างว่าแหละ มากันกลุ่มใหญ่จะไปจับหญิงไหนได้ฟะ

สรุปวันนั้นหลังร้านเลิก ฟาดเงินไปคนละ 200 ร้อย (ถูกดีวุ้ย) ก็เลยต้องแยกย้ายกันตามระเบียบ ผมเลยถือโอกาสติดรถกลับกะพี่หนุ่ม เพราะเค้าต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว

จบละ นึกไม่ออกแล้ว แหะ ๆ

Posted by Hello

ปล. all photo power by helloBloggerbot

Labels:

Friday, February 25, 2005

หนังยางไฮโซ

อู้งานมาเขียน Blog อีกแล้ว เอาเหอะน่า เจ้านายไม่อยู่

ท้องเรื่องวันนี้ผมจะกล่าวถึง Wristband หรือ สายรัดข้อมือ ที่กำลังเห่อกันอยู่ในคนกลุ่มหนึ่ง (ไม่ใช่ทั่วไปแน่ เพราะกูเห็นมันแค่สยามสแควร์ แถวเมเจอร์นี่ใครใส่ก็ตัวประหลาดแล้ว)

ซึ่งมันเริ่มมาจากไหนผมก็ไม่รูหรอกนะ จำไม่ได้ด้วยว่าไปเสือกรู้มาจากไหน คงเป็นสักทีในกล่องสี่เหลี่ยมข้างหน้าคุณเนี่ยแหละ โดยส่วนใหญ่มันจะเป็นการใส่เพื่อรณรงค์หรือใส่เพื่อแสดงให้เห็นถึงการรวมพลังอะไรบางอย่าง ลองนึกดูดิ คนจำนวนมากใส่อะไรเหมือน ๆ กันไม่เท่ห์ก็น่ากัว (เมื่อเที่ยงออกไปกินข้าว เจอนักเรียนหญิงมัธยมแบบคอซอง ดำ ๆ เหียก ๆ แถวหน้าเมเจอร์เอกมัยสิบกว่าคนหรือมากกว่า แม่งใส่ถุงเท้าดึงตึงกันหมดเลย... น่ากลัวสัด0_o) เอาประวัติคร่าว ๆ ที่ผมไปเสือกมาได้ก็แล้วกัน

นอกเรื่องครั้งที่ 1 : คำว่า เสือก มันเป็นคำที่ดูรุนแรง เพราะฉะนั้นผมเลยลดความแรงของมันโดนใช้สีเขียว ซึ่งเป็นสีโทนเย็น break ไว้ ทำให้ดูน่ารักขึ้นอีกนิดนึง


wear yellow / ทำใจกันหน่อยนะ ว่า blog นี่จะมีภาษาอังกฤษอีกเยอะเลย จะไปหยิบดิก มาก่อนมั้ย จะรอ . . .
หรือเรียกชื่อเต็ม ๆ ว่า LIVE STRONG ของมลูนิธิ Lance Armstrong Foundation เป็นการใส่เพื่อการรณรงค์ เกี่ยวกับมะเร็ง
เพื่อให้มีกำลังใจในการต่อสูกับโรคร้ายนี้ พ่อ กับ ปู่ ผมก็ตกเป็นเหยื่อของโรคนี่ คาดว่าผมก็คงไม่รอด.

Lance knows that yellow is more than just the color of the leader’s jersey in
the Tour de France. It's a symbol of hope, courage and perseverance—whether
you're on the bike or in the oncology ward

"ผมเป็นเพียงหนึ่งในตัวแทนของผู้ป่วยโรคมะเร็งชาวอเมริกันกว่า 10 ล้านคน และผมเองก็มีเหตุผลอย่างน้อย 10 ล้านเหตุผลที่จะบอกว่าทำไมถึงต้องใส่สายรัดข้อมือสีเหลือง เพราะสายรัดข้อมือดังกล่าวเหมือนสัญลักษณ์ ที่บอกให้ผมมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งในทุกวัน"

Lance Armstrong

เอาความหมายคร่าว ๆ มาให้อ่าน อ่านแล้วเจอคนใส่ลองถามแม่งดิ ว่ามึงรู้ป่าวว่าไอ้ที่อยู่บนข้อมือนะ ใสเพื่ออะไร


wear blue / "NO COMPROMISE" (มันแปลว่าอะไรวะ) เป็นของ andy - roddic มูลนิธิของ "ร็อดดิก" ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเยาวชนที่ต้องการเล่นเทนนิส แต่ขาดโอกาสและอุปกรณ์


wear pink /"Snare Beauty Spread Hope" เป็นการรณรงค์ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม


TSUNAMI เอาเงินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสึนามิ รูสึกว่าเด๋วที่สภากาชาดไทยก็จะจัดทำ


ninetysix เอาเงินไปสนับสนุน 96 ผู้เสียชีวิตจากสนามฟุตบอลSheffield Wednesday's Hillsborough ซึ่ง 1 ในนั้นก็มี Kevin William อยู่ด้วย (อย่าถามว่าเค้าคือใคร เกิดไรขึ้นที่นั่น เพราะผมแค่ไปเสือกรู้มาเท่านั้น ไม่ได้รูจริง ๆ)


มาถึง Hi-Light นั่นก็คือ ไอ้เจ้านี่

STAND UP SPEAKUP โครงการต่อต้าน การเหยียดสีผิว ของไนกี้ที่มี เธียร์รี่ อองรี เป็น presentor เพราะเคยเจอมาโดยตรง
ซึ่งไอ้เจ้านี่มันได้รับความนิยมอย่างมาก มีขายเฉพาะยุโรปเท่านั้นแหละ เพราะเค้ารณรงค์กันที่นั่น (จะให้มาขายที่ไทยทำหอกอะไร ใช่มะ) ดูความเท่ห์ของมันดิ คนมันก็อยากได้กันใช่มะ คนมันก็ซื้อมาโก่งราคากัน และยิ่งไปกว่านั้นคือไอ้ของพวกนี้นะ ถามหน่อยเหอะ คนที่มันอยู่ในประเทศไทย มันจะไปรู้มาจากไหน ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่มันอยู่ต่างประเทศซื้อมาใส่ เพราะไอ้พวกหนังยางพวกนี้แม่งไม่มีขายในไทยนะเว้ย ตอนแรกพวกพี่เค้าก็ใส่สายสีเหลืองกัน พอเห็นว่าคนใส่มากขึ้นคงจะคิดซะว่าไม่เท่ห์ซะแล้วตูต้องหาอะไรที่มันแปลก ถึงจะดูดี เลยไปขวนขวายหาไอ้นี่มาใส่กัน ที่นี่ไอ้พวกไฮโซ ทั้งหลายที่ตาร้อนอยากได้บ้าง ราคาเท่าไรพี่แกก็ไม่เกี่ยง มันก็เลยทำให้ราคาพุ่งพรวดไปถึง 800 - 1000 กว่าบาทแล้ว จากเริ่มแรกแม่ง แค่ 2 ปอนด์เอง

กูก็เป็นหนึ่งในนั้นนะ เพราะตอนแรกกะว่า 600 กูก็เอาวะ เพราะมันแปลกดี หนังยาง 2 เส้น ไขว้กันในวงเดียว ถึงแม่งจะไม่มีขนาดข้อมือคนไทยก็เหอะ ใส่แล้วคงหลวมฉิบหาย แต่ก็นะ . . . นิดนึง

แต่ตอนนี้ พระเจ้า กูพึ่งไปเจอมาใน thaisecondhand.com แม่ง เอามาขาย 2 พัน, มาบุญครองขาย 2 พันห้า . . . พ่อมึงตาย หนังยางนะเว้ย
ใน ebay กูว่าแม่งแพงแล้ว นะเนี่ย กูรอ lot 2 ก็ได้วะ ไม่เชื่อหรอกว่าแม่งจะไม่ทำออกมาขาย

นี่กูก็พึ่งสั่ง livestrong ไปน่าจะได้ปลายเดือนนี่แล้วละ สั่งไป 7 เส้น มีเจ้าของแล้ว 3 เส้น กะว่าจะเอาไปแจกสาว ๆ อีก 4 เส้น ใครรู้ตัวว่าน่ารักติดต่อรับได้ทีหนึ่ง แต่ถ้าไม่น่ารักแล้วโทรมาขอ ... เส้นละ 2 ร้อยเพ่

ปล. ใครสนใจไอ้ 2 เส้นข้างล่าง มีคนขาย 2 อัน 5 ร้อยเอามะ
.
ปล.2 แม่งมีหลายสีมาก ๆ จนเด๋วนี้ไม่รู้ว่าอันไหนใส่เพื่อรณรงค์อะไรแล้ว

Labels:

Tuesday, February 22, 2005

forward mail

วันนี้ว่าจะไม่เขียน Blog แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เคยคิดไว้ว่าจะไม่เอา forward mail มาลงด้วย. แต่ไอ้นอส่งเรื่องนี้มาให้อ่าน อยากแบ่งให้คนอื่นอ่านด้วย อ่านไม่จบแช่งให้กินข้าวไม่อร่อย เดือนนึง หึ หึ .
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

หลังจากที่แต่งงานมาได้ 21 ปี ผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ เพราะวันหนึ่งภรรยาผมบอกว่า ผมต้องออกเดทกับผู้หญิงคนหนึ่ง มันเป็นไอเดียของเธอล้วนๆ จริงๆ นะ

"ฉันรู้ว่าคุณรักเธอ" ภรรยาผมว่า
"แต่ผมรักคุณนี่" ผมเถียง
"ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ด้วยเหมือนกัน"

ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ แม่ของผมเองซึ่งเป็นหม้ายมา 19 ปีแล้ว เนื่องจากงานที่รัดตัวและต้องดูแลลูก ๆ ทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น วันที่ผมโทรไปหาแม่เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนัง

แม่ถามว่า "มีอะไรหรือ? ลูกสบายดีรึเปล่า?" แม่ผมเป็นผู้หญิงประเภทที่คิดว่าการที่คนโทรมาหากลางดึกหรือเชิญอย่างกระทันหันหมายความว่ามีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น
ผมตอบแม่ว่า "ผมว่าดีออกถ้าเราได้ใช้เวลากันตามลำพังสองคนแม่ลูกบ้าง"
แม่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า "แม่ยินดีมากเลยจ้ะ"

เย็นวันศุกร์หลังเลิกงานผมขับรถไปรับแม่ที่บ้าน ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อผมไปถึงบ้านแม่ ผมก็สังเกตุได้ว่า แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แม่สวมเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว แม่ม้วนผม แล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่งงานครั้งสุดท้าย พลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใสราวกับทูตสวรรค์

"แม่บอกเพื่อนๆ ว่าแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกชายพวกเขาประทับใจกันใหญ่"
แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถพร้อมกับพูกว่า "พวกเขารอฟังแทบไม่ไหวเลย"

เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหรา แต่ก็ดีเยี่ยมและบรรยากาศก็อบอุ่นสบาย ๆ มาก ๆ แม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง หลังจากที่เรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเป็นฝ่ายอ่านเมนูอาหาร เพราะสายตาของแม่อ่านได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ ๆ เท่านั้น เมื่อผมอ่านเมนูอองเทรไปได้เพียงครึ่ง ผมเงยขึ้นมองเห็นแม่กำลังมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึกถึงความหลัง
"ตอนที่ลูกยังเล็กนั้น แม่ต้องเป็นคนอ่านเมนูให้ลูกฟัง" แม่ว่า
"งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟังสบายๆ บ้าง" ผมตอบ
ในระหว่างมื้ออาหารนั้น เราคุยกันอย่างถูกคอ ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร เพียงแต่สลับกันถามว่าชีวิตของเราเป็นยังไงทำอะไรที่ไหนมาบ้าง เราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทัน เมื่อผมไปส่งแม่ที่บ้าน
แม่พูดว่า "แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกอีกนะ แต่คราวนี้ลูกต้องยอมให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ"
ผมตอบตกลง
"ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง?" ภรรยาถามเมื่อผมกลับถึงบ้าน
"ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย" ผมตอบ
ไม่กี่วันต่อมา . . . แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน มันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลย
หลายวันต่อมา ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัตตาคารที่ผมกับแม่เคยไป มีโน๊ตเล็กๆ แนบมาด้วยว่า

"แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามแม่ก็จ่ายสำหรับสองคน คือลูกกับภรรยา ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่าวันนั้นมีความหมายต่อแม่มากแค่ไหน, รักลูกจ้ะ "

วินาทีนั้น ผมเข้าใจถึงความสำคัญของการกล่าวคำว่า "รัก"

ต่อคนที่เรารักในช่วงเวลาที่เค้าต้องการมันไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณ จงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกเค้าต้องการคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจผลัดวันประกันพรุ่งได้

บางคนบอกว่า หลังจากที่คุณคลอดบุตรแล้วต้องใช้เวลา ราว 6 สัปดาห์จึงจะคืนสู่สภาพเดิม - คนนั้นไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณได้เป็นแม่คนแล้ว ไม่มีคำว่าคนเดิมอีกต่อไป
บางคนบอกว่า คนเราเรียนรู้การเป็นแม่ได้เองตามสัญชาติญาณ - คนนั้นไม่เคยพาลูกสามขวบไปซูเปอร์มาร์เกต
บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นน่าเบื่อ - คนนั้นไม่เคยนั่งรถที่ลูกวัยรุ่นขับหลังจากที่ได้ใบขับขี่มาหมาด ๆ
บางคนบอกว่า ถ้าคุณเป็นคนดี ลูกออกมาก็จะดีเอง - คนนั้นนึกว่าเด็กคลอดออกมาพร้อมกับคู่มือการใช้และใบรับประกัน
บางคนบอกว่า แม่ที่ดีไม่ควรขึ้นเสียงกับลูก - คนนั้นไม่เคยเปิดประตูหลังบ้านออกมาทันได้เห็นลูกหวดลูกกอล์ฟเข้าใส่หน้าต่างครัวของเพื่อนบ้านพอดิบพอดี
บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นไม่ต้องมีการศึกษาก็ได้ - คนนั้นไม่เคยช่วยลูกประถมสี่ทำการบ้านเลข
บางคนบอกว่า แม่รักลูกคนที่ห้าไม่เท่าลูกคนแรก - คนนั้นไม่เคยมีลูกห้าคน
บางคนบอกว่า ช่วงที่ยากที่สุดของการเป็นแม่คือตอนเลี้ยงและตอนคลอด - คนนั้นไม่เคยยืนดูลูกขึ้นรถเมลไปโรงเรียนอนุบาลวันแรกหรือขึ้นเครื่องบินไปบู๊ทแคมป์ของทหาร
บางคนบอกว่า งานของแม่นั้นหมูๆ ปิดตาสองข้างหรือมัดมือไว้ข้างหนึ่งก็ยังไหว - คนนั้นไม่เคยสอนการออกเดินขายคุ๊กกี้ให้กับเหล่ายุวนารี 7 คนที่กระจุ๊กกระจิ๊กคิกคักกันอยู่ตลอดเวลา
บางคนบอกว่า แม่เลิกกังวลได้แล้ว หลังจากที่ลูกแต่งงานออกเรือนไป - คนนั้นไม่รู้ว่าการแต่งงานคือ การนำลูกชายหรือลูกสาวคนใหม่เข้ามาอยู่ในสายใยใจของแม่
บางคนบอกว่างานของแม่สิ้นสุดลงเมื่อลูกคนสุดท้ายออกจากบ้านไป - คนนั้นไม่เคยมีหลานยาย หรือหลานย่า
บางคนบอกว่า แม่รู้ดีอยู่แล้วว่าคุณรักท่าน เพราะงั้นไม่ต้องบอกท่านก็ได้ - คนนั้นไม่เคยเป็นแม่คน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
อ่านจบแล้วเป็นงัยกันบ้าง กูอ่านแล้วน้ำตาซึมอีกแล้ว ชีวิตผมอะนะ ผมอยากจะมีครอบครัวที่น่ารัก ผมอยากมีพ่อ แม่ อยากกินข้าวเย็นพร้อมหน้า พร้อมตากัน เหมือนในละคร ผมไม่อยากเข้มแข็งหรอก ผมอยากเป็นลูกแหง่ ให้พ่อ แม่ มาเอาใจ มันทำให้ผมกลายเป็นคนขาดความรัก. . .ป่าววะ (สาว ๆ มารักผมหน่อย ^^) เลยชอบให้คนมาเอาใจ แต่ก็ช่างเหอะชีวิตช่วงนั้นแม่งผ่านมาแล้ว ก็ต้องเข้มแข็งกันต่อไป แต่อย่ามาทำให้กูสะเทือนใจอีก (ไอ้นอ มึง เด๋วโดนคืน)

ไปทำงานต่อละ คืนนี้อีกยาว

ปล. จรืง ๆ แล้ว มีเรื่องอยากมาใส่ใน blog เพียบเลย ก่อนที่มันจะหายไปจากรอยหยักบนหัว

Labels:

Monday, February 21, 2005

กลับมาตายรัง

ย้าย host แล้วไม่ work เลย มีแต่คนบ่นว่าโหลดช้า โหลดไม่ขึ้น . ..
ดังนั้นเราขอประกาศเลย ว่าอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ย้ายแล้ว

http://www.archit26.com/blogger.html

ใครอยากอ่านบ่อย ๆ add เป็น favorite ไว้เลย
อ่านแล้ว comment ด้วยจะเป็นพระคุณ

บุญรักษา

Labels:

โอ้ว...จอร์จ มันยอดมาก

โอ้ววววว สวยยยย เว้ยย
สีน้ำเงินของ Blogspot ช่างขับให้เวปเราสวยเสียนี่กะไร 555

จอร์จ คือ ใคร?
งงมะ

ทำงานต่อละ อู้มา 1 ชม. แล้ว

ปล. Blog แม่งน่าจะมี icon emotion นะ ไว้เด๋วกูลองทำดีกว่า
ปล.2 อ่านปล. กันออกป่าว
ปล.3 อ่านมาถึงบรรทัดนี้ได้แสดงว่ามึงอ่านออก (ตอนแรกเขียน คุณ แล้วรู้สึกไม่จิงใจ ขอใช้มึงละกัน ต้องขอโทดผู้อ่านที่รับไม่ได้ด้วยนะครับ)

Labels:

ย้ายบ้าน

ยัง ๆ ผมยังไม่ได้ที่อยู่ แต่เปลี่ยน Host ที่เก็บบล๊อคใหม่ มาใช้ของ blogspot.com จะได้ไม่เปลือง Bandwidth ที่ Host ผม เพราะทุกวันนี้ เราก็เอาเวปส่วนตัวเราไปฝากไว้ตั้ง 3 - 4 อันแล้ว รวมถึงเว๊บห้องด้วยอะนะ จะเต็มลิมิตแล้ว ยิ่งถ้า blog ผมมีรูปเยอะก็จะซวยหนักไปอีก

ทำไม Bandwidth ถึงสำคัญหนักหนา ทำไมต้องกลัวขนาดย้ายหนี ไม่ใช่ผี ไม่ใช่ตุ๊กแก แต่ผมกลัว . . . เพราะถ้าเดือนใด Bandwidth ผมเต็มขึ้นมา ความซวยจะบังเกิด อันเนื่องมาจากสาเหตุที่มันจะทำให้เว๊บในเครือของ buddy (buddysamui.com / brickbarkhaosan.com / tomyumkung.com / theclub.com / กินลมชมสะพาน ดอท คอม) รวมไปทิ้งเว๊บห้องของพวกเราจะเปิดดูไม่ได้ ไอ้อันหลังมันก็ไม่เดือดร้อนผมหรอก แต่ถ้าไอ้เวป (แม่งพยายามจะเปลี่ยนมาพิมว่า เว็บ แล้วนะ...กูพยายามแล้ว) ที่ลูกค้าท่านอุตส่าห์เสียตังเช่าพื้นที่ทั้งหลาย มีอันต้องล่มไปนี่ แล้วเค้าเช็คขึ้น เวปทั้งหลายคงจ้องระเห็ดไปเช่าพื้นที่เอง แต่ใจจิงผมก็กะจะเช่าอยู่แล้วนะ กะมาหลายเดือนละ 555 แต่กะตังค์มันไม่อำนวยวะ - -" ใครผ่านมาอ่าน อยากช่วยสมทบทุน ก็บอกได้เลยนะ เด๋วออกใบอนุโมทนาบัตรให้ไปหักภาษี ^^

แล้วมันจะเต็มได้ยังงัย ? เป็นตำถามที่หลายคนสงสัย
ไม่สงสัยก็สงสัยซักหน่อยละกัน เผลอมาอ่านแล้วนิ

ก็เวลาที่มึง ๆ ท่าน ๆ ดูเวป - มันก็เหมือนท่านดึงข้อมูลออกจาก server ที่เก็บเป็นเหตุให้ server ทำงาน เพื่อจ่ายข้อมูลออกไป

ที่งี้ ถ้าไม่จำกัดแบนวิท โหลดมาก ๆ server มันก็พัง ไอ้เจ้าของโฮส ทั้งหลายมันก็จะจำกัดจำนวน Bandwidth ให้กะคนที่ไปเช่าว่า เดือนนึง มึงจ่ายข้อมูลให้คนอื่นได้เท่านี้นะโว้ย อย่าเสือกเอาไปทำเป็นที่เก็บหนัง หรือ mp3 ให้ชาวบ้านโหลดเอาละ หรือถ้าจิตใจท่านดังแม่น้ำแยงซีเกียงก็เชิญ

ที่นี่ถ้าเวปมันโซฮอท คนเข้าเยอะมาก ๆ เราอยากจะจ่ายข้อมูลเราเยอะขึ้นเราก็ต้องไปอัพเกรดมัน ซึ่งแม่ง . . . . แพง !

แล้วสิ่งที่บรรดา Web Master เกลียดแล้วจะด่าแม่คนที่ทำมากที่สุด คือการที่มีใครหน้าไหนไม่รู้ไปดึง link รูปมาจากเวปเค้า (อันที่จิงกูก็ทำอะนะ แต่กูมีทิ้ง credit ให้นะ) ซึ่งถ้าแบนวิทเวปเค้าเยอะก็ไม่เป็นไร (ส่วนมากรูปภาพจะไม่มีปัญหาเท่าไรหรอก จะมีก็แต่ภาพโป๊นะแหละ) ถ้าเค้าจับได้ก็ซวยไป คนอื่นที่มาทีหลังก็อดโหลด (เลวมั้ยละนั่น)
ที่ออกมาพูด หรือเขียนนั่นแหละ ไม่ใช่อะไร มันเหมือนมาสารภาพบาป ที่พอทำ ๆ ไปแล้วเริ่มรู้สึกละอายนั่นแหละ และะไปเห็นเวปที่เค้ามีจรรยาบรรณ จะทำการเซฟภาพเก็บมาอยู่ใน Host เค้าเอง ไม่ให้ไปกระทบกับเวปเจ้าของ หรือไม่ก็จะมีการทิ้งเครดิตไว้ให้ด้วย .

God . . . please forgive me

ปล. Careless whisper แม่งโคดเพราะเลยวะ หามาฟังซะ !



Labels:

thesis for fun

ขณะนี้ตีห้าครึ่ง .... สาดดดด
เหนื่อยจนไม่รูจะเขียนอะไร นอนก่อน แล้วกลับจากทำงานพรุ่งนี้จะมาอัพเดท

edit on 22 Feb 05



ไปช่วยน้องทำ thesis มา ประโยคนี้ผมเอ่ยไปทีนึงตอนวันอังคารทีผ่านมาแล้ว 1 ที เพราะเข้าไปช่วยมันทีนึงแล้ว เอา plan กลับมาช่วย present ให้
โดยอาศัยเทคนิคที่ได้รับการสั่งสอนมาจาก maps design studio เชียวนะมึง
แต่สุดท้าย ทามมายยย มึงไม่ใช้ของกูวะไอ้กอล์ฟ สาดด ทำตั้งนานนะมึง (จิง ๆ 5 ชม.)
มันอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่กูไม่รู้ แต่ fail ไปนิด ๆ เหมือนกันนะ (ถ้ามึงมาอ่านก็รู้ไว้เลยว่ากู Fail แต่ไม่ต้องเครียดไป . . . . ขำ ขำ)

ช่างเหอะ งานมึง มึงตัดสินใจ ส่วนนึงก็เปนเพราะผมเข้าไปส่งงานช้าด้วยละมั้ง มันคงใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ว่าพี่กูจะเอาเข้ามามั้ยน๊า กอล์ฟมึงเกือบซวยแล้วละ วันนั้นถ้ากูมีตัวขี้เกียจกระโดดเกาะหลังอีกสักตัวนะ มึงไม่เห็นหน้ากูแน่ ๆ 555 แต่ด้วยความละอาย เลยฮึด เข้าก็เข้าวะ .

thesis เนี่ยมันก็คล้าย ๆ งานพบญาตินะ เพื่อน พี่ น้อง ๆ มากันเต็มไปหมด เพียงแต่ว่าแต่ละคนจะเป็นโหมด Zombie แต่โดยรวม ๆ แล้วมันก็สนุกนะ (สำหรับคนเข้าไปช่วย เพราะไม่ซีเรียส) แต่ตอนกูทำนะแม่งโคตรเครียดเลย เสือกทำงานใหญ่เกินตัว พี่มาช่วยยังท้อเลย 555. สมัยนั้นผมเป็น 1 ในผู้ป่วย ICU ที่เพื่อน ๆ ต่างลงความเห็นกันว่าอาการโคตรหนัก มีผมกับคะมะ อีกคนนึง ที่ลงมาทำงานใน Stu ด้านล่าง ห้องนั้นเลยเรียกว่า ICU ไป ดีนะที่วันสุดท้ายมันไม่กลายเป็นห้องดับจิต. เชื่อมั้ย ว่าห้องใหญ่มาก แต่วาสวันสุดท้ายนี่แคบไปถนัดตา ผมจำได้ว่ามีคนทำ thesis ลงมาอีก 1 - 2 คนได้ แต่ว่าคนที่มาช่วยไอ้คม นี่เป็น 10 เลย จรแล้วจนรอดก็เสร็จจนได้ ส่วนของผมนี่งานแม่งใหญ่เกินจิง ๆ ชม. สุดท้ายทำทันได้ผมก็โคตรภูมิใจแล้ว ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ โดยเฉพาะไอ้น้องกอล์ฟ กูก็จำไม่ได้หรอกนะว่ามึงทำอะไรบ้าง แต่เห็นหน้ามึงบ่อยดี . . . กูเลยกลับมาช่วยมึง เพราะฉะนั้น มึงก็อย่าลืมมาช่วยน้องนะเว้ย แล้วถ้าน้องไม่ทันจิง ๆ แล้วถามหากู

บอกไปว่า
กูไปต่างประเทศนะ . . . .


ปล. ดูรูปมันเนียน ๆ เนอะ เหมือนหน้าใสเลย ที่จริงเราใช้ Filter Paint Daubs ช่วย ลองดูสิสาว ๆ หน้าท่านจะกลับมาเนียนอีกครั้ง ^^

Labels:

Saturday, February 19, 2005

วันน่าเบื่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1

วันนี้กูเบื่อ . . . .
ตื่นมา 11 โมง นั่งเล่น need for speed underground เกมนี้โคตรมันเลยอะได้แต่งรถจริง ๆ ของจริง ๆ ยี่ห้อจริง ๆ . . . จริง ๆ ๆ ๆ HKS อย่างเนี่ย Greddy อย่างเนี่ย โหหห.... แต่วันนี้มันเล่นไม่ผ่านด่านที่ต้อง Drift รถลงจากเนินเขา หงุดหงิดมาก ๆ เลยพาลทำให้เบื่อเอาทั้งวันเลย

และเย็น ๆ ก็มีนัดกับหมอฟัน หมอบอกว่าฟันเรียงตัวแล้ว จะผ่าตัดได้แล้ว แต่เด๋วครั้งหน้ามากรอฟันก่อน แล้วค่อยผ่า. คิด ๆ ดูมันก็เสียว ๆ เหมือนกันนะเนี่ย ผ่ามาแล้วจะเป็นยังงัย จะน่าเกลียดกว่าเดิม รึป่าววะ (แค่นี้ก็แย่พอแล้ว - -")

ปล. ขากลับมาที่คอนโด ตอนจะกดลิฟท์ขึ้น ใจละลายเลยกู เจอใครไม่รู้แต่งตัวน่ารักมาก คงกำลังจะไปงานเลี้ยงกับแม่ ท่าทางรุ่นเดียว ๆ จำหน้าได้ลาง ๆ เพราะมัวแต่มองเกาะอก ^^

Labels:

Friday, February 18, 2005

ASM

วันนี้โคตรเหนื่อย หลังจากที่ไม่ได้ค่อยทำงานมาหลายวัน. ประชุมตั้งแต่ 10 โมงกับ Mr.Axel (Rose) ^^.
เป็นคนเยอรมันที่หัวสมองแม่งมีแรม 2Gb แม่งจำได้ทุกอย่าง อะไรของมัน detail แต่ละอย่างแม่งจำได้หมด Quation ตั้งแต่ปีมะโว้ ก็เสือกจำได้
ถามปัญหาที่แม้แต่ Supplier ที่ import ของเข้ามาเองยังงง . . . และแถมแม่งไม่กินข้าวกลางวัน (คนเยอรมันไม่กินข้าวกลางวันกันนะ) แต่ก็ดีแล้วเพระเค้า นน. ตั้ง 120 กก. ไปประชุมที่ CONRAD ขอบอกว่า ถ้าชาตินี้ผมเจอน้ำมันอยู่หลังบ้าน ผมไม่แค่ขับรถเกิน 90 กม./ชม. หรอก ผมจะมาซื้อห้องที่นี่อยู่ (ใครไม่เกทมุขนี้ให้ไปหาป้ายโฆษณาตามถนนที่รณรงค์ประหยัดน้ำมัน อันที่มีหน้าของไอ้นวดคนนึงที่กวนตีนมาก อ่านเอา) แต่ไม่ใช่ที่ Allseason Mansion ที่ผมกำลังตกแต่งอยู่นะ ขอบอกว่าตึกแม่งประหลาดมาก ๆ ทั้งระบบท่อ และโครงสร้างแม่ง . . .

ประชุมกับ Axel ยังไม่พอ ยังมี Senior จาก MAPS SG มาด้วย Contractor และ Suppplier. 3 คนหลังเป็นคนสิงค์โปร์. Suppplier แม่งดันพูดภาษาอังกิดไม่ได้ วันนี้เลยประชุม 3 ภาษาเลย ไทย จีน อังกิด แปลกกันไปแปลกันมา สนุกดี. วันนี้โชคดีที่ผีฝรั่งเข้าสิง เลยพูดภาษาปะ-กิดเปนไฟเลย . . . เหนือยแล้ว กินข้าวก่อนละ

Labels:

Wednesday, February 09, 2005

Love me, love My Dog (แต่มันดุนะเฟ้ย!) ภาค 2

ต่อความจากท้องเรื่องที่แล้ว . . . หลังจากที่ทั่นร๊อดได้ไปพักผ่อนในบ้านสวน น้าผมก็ได้หมามาใหม่, กรุณาอย่าอ่านเร็ว มันจะกลายเปนมาม่า ซะงั้น(ขำหน่อยดิ >_<" ) ซึ่งคราวนี้เปนพันธุ์บางแก้ว ที่ออกอัลบั้มเพลงมาหลายชุดแล้วนั้นแหละ (จากสถิติกลับบ้าน 2 ครั้ง ต้องมีหมามาใหม่อย่างน้อย 1 ตัว : อ้างอิงข้อมูลจาก กูเอง)

มันชื่อ "ขนุน" (ถามน้าว่าทำไมชื่อขนุน น้าบอกว่า จะตั้งชื่อตามต้นไม้ที่มีในบ้าน, กูเลยรอยู่ว่าสักวันนึง กูต้องมีหมาชื่อ พญาสัตตะบัน แน่ ๆ เลย เพราะserie ชื่อหมาตัวก่อนๆ มันเป็นชื่อมาจากข้าว ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ท่าทางน้าจะหมดมุขเลยหันมาเป็นชื่อต้นไม้แทน, น่าจะมีข้าวมันไก่เนอะ อร่อยดี ^^)

นอกเรื่องไปเยอะแล้ว มาคุยกะขนุนต่อดีกว่า

ขนุน: บ๊อก ๆ แบก ๆ ฮ่ง ฮิ้ว แบ๊ก เอ๋ง เอ๋ง แฮร่ ๆ (แปลว่า กูหิวแล้วเอานมมาให้กูกินสักที ไอ้แว่น)

- -" ขนุนเป็นลูกเหลือขอ เพราะคนอื่นเค้าขอลูกตัวอื่น ๆ ไปหมดแล้ว ขนุนเป็นตัวสุดท้ายที่คนอื่นไม่เอานั่นเอง เลยทำให้มีขนาดที่เล็กมาก ตอนแรกกูจะเต๊ะแล้ว นึกว่าเป็นตุ๊กตาของลูกคนใช้ที่บ้าน แต่มันมาแง่งใส่ เลยหยุดไว้ก่อน ฟันแม่งโคตรแหลมเลย. แต่หลังจากเราเอานมยัดปากมัน ก็เลยหันมาดีด้วย. น้าบอกว่าต้องกลับบ้านบ่อย ๆ ไม่งั้นมันจำหน้าไม่ได้จะกัดเอานะ (เสียวเว้ยย!)

ตอนนี้ ขนุนจะดูซึมๆ เซื่องๆ หน่อยเพราะพึ่งโดนหมาบ้านอีกตัวกัดเอา แม่งเปนลูกผสมหมาไทยกับร๊อดไวเลอร์ แถมเป็นหมาของคนใช้เอามาเลี้ยง ดุสัด! แม่งเปนหมาที่ไม่เห่า แยกเขี้ยวแล้วกัดอย่างเดียว. คราวหน้าไว้ขนุนโตแล้วผมจะถ่ายรูปมาให้ดูอีกนะคับ เพราะเค้าว่ากันว่าบางแก้วเป็นหมาที่น่ารักตอนเด็ก เท่ห์ตอนโต และดุสัด!. . .เอ้าขนุนขอเสียง

ขนุน: แฮร่ แฮร่ แฮร่ @#$! (มึงยังไม่ให้นมกู ไอ้แว่น)
--------------------------------------------------------------------
หมาตัวอื่นของผมดูได้จาก link ข้างล่างนะ ไม่อยากโพสมาก เปลือง Bandwidth
*click ขวาที่ link แล้วเลือก open in New Window นะคับ
นิล :
http://www.geocities.com/iama48/blog/nill.jpg
น้ำตาล :
http://www.geocities.com/iama48/blog/num-tarn.jpg
แบล๊ค :
http://www.geocities.com/iama48/blog/black.jpg
สำลี (ร๊อดผสมกับหมาไทย) :
http://www.geocities.com/iama48/blog/sum-lee.jpg
ข้าวกล้อง :
http://www.geocities.com/iama48/blog/kao-kong.jpg
ข้างฟ่าง :
http://www.geocities.com/iama48/blog/kao-fang.jpg
ข้าวเหนียว :
http://www.geocities.com/iama48/blog/kao-neul.jpg
ชมพู่ :
http://www.geocities.com/iama48/blog/chom-poo.jpg
ส้มโอ : ถ่ายไม่ติด มันดำมาก - -"

Labels:

Love me, love My Dog (แต่มันดุนะเฟ้ย!)

กลับบ้านคราวนี้ตั้งใจว่าจะทำ "ทะเบียนหมา" ไว้เก็บประวัติหมาที่บ้านเนื่องจากหมาที่ผ่านมือมาบ้านกระผม ตอนนี้กูจำชื่อได้ไม่หมดแล้ว เนื่องจากมันเยอะขึ้นทุก ๆ วัน และก็เป็นหมาใหม่ ซึ่งยังไม่สนิทกับกูซะเท่าไร เลยไม่ค่อยชอบขี้หน้ามัน ส่วนหมาที่กระผมรักและชอบมั่กๆ ตั้งแต่มีหมาผ่านมือมานั้นคือตัวนี้



ไม่ต้องสงสัย . . . นี่คือสุสานหมาผมเอง มันชื่อ ROD เป็นหมาพันธ์ ร๊อดไวเลอร์ ที่กัดคนจนเป็นข่าวบ่อย ๆ นั่นแหละ มันตายไปเมื่อเดือนที่แล้วเพราะ โดนโรคห่าอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้เลือดแดงของหมาค่อย ๆ หมดไป ทำให้มันไม่มีแรง และล้มไปตายทั้ง ๆ ที่มันพึ่งอายุได้ 7 ปีเอง ซึ่งแต่ก่อน เจ้าร๊อดเปรียบได้เหมือนลูกพี่ใหญ่ของฝูงหมาที่บ้าน (ขอใช้คำว่าฝูงเพราะมันมีทั้งหมด 8 ตัว + 1 ตัวเล็ก) และเป็นตัวที่ดุ และรักกูที่สุด ตัวอื่นแม่งเหยียบตีนกู หรือเข้าใกล้กูมากว่ามันแม่งกัดเลยอะ แต่เราไม่ชอบเล่นกับมันเพราะ มันชอบกระโดมาเกาะบ่า แล้วขอโทดทีเถอะ มันหนักยังกะควาย...กูจะล้มเอา

rod, post นี้เพื่อมึงวะ . . . . พักผ่อนให้สงบนะเฟ้ย
rest in peace dude~

พอแล้ว. . .น้ำตาไหล

Labels:

Happy Chinese New year 2005!

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ . . . ไม่พูดคำนี้ซะหน่อยคงเชยพิลึก ^^". วันนี้ office ก็ไม่หยุดอีกเซ็งชะมัด. แต่มาก็เหมือนมาเล่น internet อยู่ดี เลยมาก็ได้ฟะ

เมื่อวานกลับบ้านไปไหว้บรรพบุรุษมา ต้องตื่นตั้งแต่ ตี 5 แหนะทุกท่าน (ตื่นได้งัยฟะ). ไหว้เจ้าปีนี้นั่งเรือข้ามฝากระหว่าง 2 ศาล เห็นวิวสวยดีเลย ถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อย แต่จิง ๆ แล้วคือยังเห่อกล้องอยู่ ลองดูกันละกันพี่น้อง ปล. หลายคนคงอาจจะคิดว่าทำไม บ้างมึงดูชนบทจังวะ ขอบอกว่า บ้านผมอยู่อ่างทองนะเฟ้ย ไม่ใช่สีลม! แต่แถวบ้านข้าพเจ้านะ พั-ตะ-นา แล้วนะ อันนี้คืออีกมุมที่แตกต่าง ยังคงความเป็นท้องถิ่นไว้อยู่ มีพระพายเรือบิณฑบาตด้วยละคร้าบบ!

Labels:

Monday, February 07, 2005

The Q, My cat


นี่คือเจ้าคิว แมวเราเองแหละ หล่อซะ แต่ช่วงนี้ คิวหงุดหงิดเพราะอยาก XXX
>_<"

Labels:

continue the last story

Dear All, วันนี้แม่งท้องเสียวะ เลยมาลองส่งแมลเข้า blog ไม่รูแม่งจะได้มั้ย
แล้วมันเกี่ยวกันมั้ยนั่น ท้องเสีย vs ส่งเมล - __ -"

Labels:

Sunday, February 06, 2005

Begining of the Blog

Start Blog by blogger dot com
จะได้มีไรมาคุยกันเพื่มขึ้น แม่งจะทำให้ไม่มีคนไปโพสป่าววะ

Labels: